ไตเป็นอวัยวะภายในที่อยู่ใต้กล้ามเนื้อหลังของร่างกายบริเวณบั้นเอวทั้งสองข้าง ปกติไตมีสองข้างลักษณะคล้ายถั่วยาว 12-14 เซนติเมตร

ไตมีหน้าที่สำคัญ 3 ประการ
-
กรองของเสียและสารน้ำออกจากร่างกายออกมาทางปัสสาวะ
ของเสียที่ไตกำจัดได้แก่ ยูเรีย หรือ บียูเอ็น (BUN) ครีอะตินิน
(Creatinine) เป็นต้น
-
รักษาระดับเกลือแร่ในเลือดให้เป็นปกติ เกลือแร่เหล่านี้ได้แก่ โซเดียม โปแตสเซียม แคลเซียม ฟอสเฟต และกรดด่างในร่างกาย
-
สร้างฮอร์โมนหลายชนิด
-
สารควบคุมความดันโลหิต คือเรนิน ช่วยควบคุมความดันโลหิตให้อยู่ในระดับที่คงที่
-
สารสร้างเม็ดเลือดแดง คือ อีริโทรโพอิติน ช่วยกระตุ้นไขกระดูกให้สร้างเม็ดเลือดแดง
-
สารเสริมสร้างกระดูก คือ วิตามินดี ช่วยให้ระดับฟอสเฟตและแคลเซียมอยู่ในระดับปกติ ช่วยให้กระดูกแข็งแรง
โรคไตเรื้อรังคืออะไร
เมื่อเราอายุมากกว่า 30 ปี ไตของเราเริ่มทำงานลดลงตามธรรมชาติ
เสื่อมอย่างช้าๆประมาณ 1% ต่อปี
แต่ถ้าไตเสื่อมลงอย่างรวดเร็วและต่อเนื่องทำให้เกิดความผิดปกติถาวร
เรียกว่า โรคไตเรื้อรัง
โรคไตเรื้อรังเกิดได้จากหลายสาเหตุ ได้แก่
-
โรคเรื้อรัง ได้แก่ เบาหวาน ความดันโลหิตสูง เอสแอลอี
(ภูมิคุ้มกันผิดปกติ) โรคเก๊าท์ นิ่วในไต ไตอักเสบ
การติดเชื้อของทางเดินปัสสาวะซ้ำๆ เป็นต้น
-
ผลข้างเคียงจากยาและสารเคมีต่างๆ ได้แก่ ยาแก้ปวดข้อ โดยเฉพาะที่เรียกว่า เอ็นเสด ยาปฏิชีวนะ ยาลดความอ้วน ยาชุด ยาสมุนไพรเป็นต้น
-
กรรมพันธุ์หรือความผิดปกติตั้งแต่เกิด เช่น ไตมีขนาดเล็ก มีการอุดตันของระบบทางเดินปัสสาวะ ถุงน้ำในไต
การแบ่งระยะของโรคไตเรื้อรัง ทราบได้จาก
-
อัตราการกรองของไต(GFR) บ่งถึงการทำงานของไต ซึ่งคำนวนจากระดับ ครีอะตินีนในเลือด เพศ และอายุ
-
ความผิดปกติของปัสสาวะ
-
การตรวจทางรังสี
โรคไตเรื้อรังมีผลอย่างไร
เมื่อไตทำงานผิดปกติระยะแรกๆท่านจะไม่มีอาการใดๆของไตวายเลยก็ได้
อาการที่ท่านมีอยู่อาจเป็นอาการของโรคเดิมที่มีอยู่แล้ว เช่น เบาหวาน
ความดันโลหิตสูง ภูมิแพ้ เป็นต้น
เมื่อเข้าสู่ไตเรื้อรังระยะที่ 3 เป็นต้นไป ไตจะเริ่มขับสารน้ำและของเสียออกทางปัสสาวะผิดปกติ ทำให้ร่างกายมีอาการเช่น
-
รู้สึกไม่สบาย อ่อนเพลีย คลื่นไส้ รับรู้รสชาติอาหารลดลง เบื่ออาหารรู้สึกง่วงซึม สับสน มีอาการปวดกระดูกและข้อ
-
โลหิตจาง เหนื่อยง่าย และอ่อนเพลีย เกิดจากไตสร้างฮอร์โมนที่ช่วยสร้างเม็ดเลือดแดงได้ไม่เพียงพอ
-
บวมบริเวณเท้า และรอบๆเปลือกตา เนื่องจากไตกำจัดสารน้ำส่วนเกินไม่ได้
จึงเกิดการสะสมในร่างกายมากขึ้น จึงเกิดอาการบวม เป็นๆหายๆ
เมื่อเป็นมากจะเกิดอาการน้ำท่วมปอด ทำให้อึดอัดหายใจลำบาก
-
ความดันโลหิตสูง ทำให้มีอาการปวดศีรษะเรื้อรัง อ่อนเพลีย และเป็นโรคหัวใจได้